หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ความกระวนกระวาย

มัทธิว 6:31 " เหตุฉะนั้นอย่ากระวนกระวายว่า จะเอาอะไรกิน หรือจะเอาอะไรดื่ม หรือจะเอาอะไรนุ่งห่ม "

ในมัทธิวบทที่ 6 นี้พระเยซูสอนให้เราละความกระวนกระวายไว้ที่พระองค์ นั้นก็ เพราะความกระวนกระวายนั้นจะพรากเอาความเชื่อไป หมายถึงความกระวนกระวายเปรียบได้เท่ากับความไม่เชื่อฟังพระเจ้า ถ้าเรากังวลกับปัจจัยในการดำรงชีวิตในเเต่ละวันนั้นก็เท่ากับว่า เราคิดว่าพระเจ้าไม่สามารถดูเเลเราในเรื่องเล็กๆน้อยๆได้ พระเยซูบอกให้เราเข้ามาหาพระองค์เหมือนกับเด็กเล็กๆ เด็กน้อยมีพ่อเเม่คอยจัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้ทั้งอาหาร เสื้อผ้า รายละเอียดต่างๆ เพราะพ่อเเม่นั้นก็รักลูกจึงต้องให้สิ่งที่ดีๆกับลูกๆ เด็กน้อยไม่กังวลเลย ในเรื่องอาหารหรือรายละเอียดต่างๆ เพราะเค้ารู้ว่ามีคนคอยดูเเลให้เค้า เป็นความเชื่อ ความไว้วางใจในคนที่เค้าเคารพรัก เช่นเดียวกันพระเจ้าก็ต้องการให้เราไว้วางใจในพระองค์ในเเบบนั้น

ความกังวลสามารถที่จะนำเอาสิ่งที่เราได้ยินจากพระเจ้าไปจากเราได้ ใน มัทธิวบทที่ 13:22 "ความกังวลตามธรรมดาของโลก และความลุ่มหลงในทรัพย์สมบัติรัดพระวจนะเสีย จึงไม่เกิดผล" เราได้ยินได้ฟังพระวจนะของพระเจ้า เเต่พระวจนะไม่ได้ตกลงในใจ เพราะภายในจิตใจเต็มไปด้วยความวิตกกังวลในเรื่องต่างๆ จิตใจไม่สงบจนไม่มีที่ว่างให้กับพระวจนะของพระเจ้า เราได้ยินได้ฟัง เเต่เราไม่นำความเชื่อเข้าไปผสมกับสิ่งที่ได้ยิน ตรงกันข้ามกับกังวลในเรื่องอะไรก็ตามที่เข้ามาในชีวิต จะเห็นได้ว่าความกระวนกระวายนั้นส่งผลร้ายเเรงมากๆในชีวิตของผู้เชื่อ

ในสมัยที่ชนชาติอิสราเอลเดินข้ามทะเลเเดง พวกเค้าได้รับการช่วยกู้จากพระเจ้าด้วยการอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ น้ำทะเลเเหวกออกจนคนจำนวนมากเดินผ่านไปได้ สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เเละจะไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต การช่วยกู้ของชนชาติของพระเจ้า เเต่เกิดอะไรขึ้นเมื่อพวกเค้าสามารถที่จะข้ามมาอีกฝั่งได้เเล้ว ในเวลาที่พวกเค้าหิว กระหาย เกิดอะไรขึ้น? ชนชาติอิสราเอลบ่นต่อว่าพระเจ้าทั้งๆที่ก่อนหน้านี้พระเจ้าได้ช่วยกู้เค้าด้วยการอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่เเต่ความหิวนั้นมาบดบังการอัศจรรย์ที่พระเจ้าทำให้กับเค้าไป เราจดจ่ออยู่ที่ความต้องการของตัวเราเองจนไม่ได้มองไปที่พระเจ้า ความวิตกกังวลเข้าครอบงำจิตใจจนไม่สามารถที่จะจดจ่อไปที่พระวจนะของพระเจ้าได้ ถ้าเราไม่สามารถที่จะจดจ่อมองไปทีพระเจ้าได้ เราก็ไม่สามารถที่จะมีสันติสุขภายในจิตใจได้เลย เปาโลบอกไว้ใน ฟิลิปปีบทที่ 4:6-7 "อย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใดๆเลย เเต่จงทูลเรื่องความปรารถนาของท่านทุกอย่างต่อพระเจ้าด้วยการอธิษฐาน การวิงวอน กับการขอบพระคุณ เเล้วสันติสุขของพระเจ้าซึ่งเกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจเเละความคิดของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์" ถ้าเรามีความวิตกกังวลไม่ว่าในเรื่องใดก็ตาม เปาโลบอกว่า ให้เราอธิษฐานทูลขอต่อพระเจ้า พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ พระองค์จะให้สิ่งที่ดีที่สุดกับเราเสมอ เเละเมื่อ อธิษฐานฝากเรื่องที่เรากังวลไว้กับพระเจ้า เราก็จะพบกับความสงบภายในจิตใจ เป็นสันติสุขที่เกิดขึ้นเนื่องมาจากความไว้วางใจในพระเจ้า พระองค์จะทรงคุ้มครองจิตใจของเราให้สงบลง


ไม่มีอะไรที่พระเจ้าทำไม่ได้ บางครั้งเราอาจจะคิดไปว่าเรื่องที่เรากังวลอยู่ไม่มีใครช่วยได้ เเต่อย่าให้เราจำกัดความสามารถของพระเจ้าด้วยความคิดที่ต่ำต้อยของตัวเราเอง พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าความคิดของเรา ให้เราเเสวงหาพระองค์ก่อน ให้พระองค์มาเป็นที่หนึ่งภายในใจ ให้พระวจนะของพระเจ้ามีที่ว่างที่จะตกลงไปเเละเกิดผลในใจ ส่วนปัจจัยหรือความต้องการของเรา ให้เราเชื่อว่าพระเจ้าสามารถดูเเลสิ่งเหล่านี้ได้ ใน 1 เปโตรบทที่ 5: 7 " จงละความกระวนกระวายของท่านไว้กับพระองค์ เพราะว่าพระองค์ทรงห่วงใยท่านทั้งหลาย " พระเจ้าทรงห่วงใยเรา พระเจ้าทรงห่วงใยเรา พระเจ้าทรงห่วงใยเรา..... ความคิดนี้ปลอบประโลมจิตใจที่วิตกกังวลได้มาก เหมือนตอนที่เปโตรอยู่ในเรือที่เจอคลื่นลมจนจวนจะพลิกคว่ำ เปโตรบอกพระเยซูว่า ไฉนพระองค์ไม่ห่วงเราเลย ตอนนั้นพระเยซูหลับอยู่ท้ายเรือ เเต่เมื่อพระองค์ตื่น พระองค์ก็สั่งให้คลื่นลมนั้นสงบลงได้ ความกลัววิตกกังวลเป็นเหมือนคลื่นลมที่พัดอย่างบ้าคลั่งภายในจิตใจ มันไม่สงบเพราะเราไม่ได้มองที่พระเยซูที่อยู่กับเราเเต่ไปมองที่อื่น เราไปมองที่คลื่น จดจ่ออยู่ที่ปัญหา ความสงบ สันติสุขภายในใจจึงไม่เกิดขึ้น จนกว่าเราจะรู้ว่าพระองค์ห่วงใยเรา เเละละความกังวลที่เราเเบกรับไปไว้ที่พระองค์ เเล้วเราจะพบกับสันติสุขภายในใจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น